
Body & Slimming -Program ลดสัดส่วน บำรุงผิวกาย
รู้หรือไม่ลดน้ำหนัก กับ ลดสัดส่วน ไม่เหมือนกัน
การลดน้ำหนัก คือการมุ่งเน้นทำให้น้ำหนักตัวลดลง โดยน้ำหนักตัวที่ลดลงนั้นไม่ใช่น้ำหนักของไขมันเป็นหลัก แต่เป็นน้ำหนักของกล้ามเนื้อ เพราะในความเป็นจริงแล้วไขมันในร่างกายมีปริมาณที่เบามาก ดังนั้นการที่ต้องการให้ตัวเลขของน้ำหนักตัวลดลงก็คือการทำให้กล้ามเนื้อลดลงด้วย
ในขณะที่การลดสัดส่วน เป็นการมุ่งเน้นไปที่รูปร่าง โดยจะโฟกัสที่การลดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายเป็นหลัก ผลก็คือปริมาณไขมันในร่างกายจะลดลง เห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจนขึ้น ทำให้รูปร่างดูดีและสมส่วนมากขึ้นแต่น้ำหนักตัวจะลงไม่มากนัก นับเป็นวิธีที่ดีกับสุขภาพและร่างกายมากกว่าการลดน้ำหนักแบบที่มักทำกัน แต่ถ้าหากการลดสัดส่วนด้วยการควบคุมอาหาร และออกกำลังกายยังทำให้สัดส่วนไม่ดีขึ้นเร็วอย่างที่ใจต้องการ ก็ยังมีวิธีอื่นที่สามารถช่วยให้รูปร่างดีขึ้นได้แบบไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องอด ไม่ต้องเสียเวลา วิธีที่ว่าก็คือเทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ CoolSculpting นั่นเอง ซึ่งเป็นวิธีการลดไขมันส่วนเกินที่ได้การรับรองจากสถาบันระดับโลกว่าสามารถช่วยให้มีรูปร่างดีขึ้นได้จริง
การลดสัดส่วนโดยใช้เครื่อง COOLSCULPTING
COOLSCULPTING ช่วยให้ผู้ที่มีไขมันสะสมในส่วนต่างๆ มีไขมันลดลง สัดส่วนดูดีขึ้นได้ เพียงไม่มีสัปดาห์หลังทำ โดยธรรมชาติของเซลล์ไขมันจะไม่ทนต่อความเย็น เมื่อได้รับความเย็นจัดในระยะเวลาหนึ่งเซลล์จะค่อยๆตายลง (Apoptosis) เมื่อเซลล์ไขมันตายแล้ว ก็จะถูกกำจัดออกเหมือนกับเซลล์อื่นๆที่ตายลง โดยเม็ดเลือดขาวจะมาย่อยสลายเซลล์เหล่านี้ และขับออกผ่านระบบหมุนเวียนตามธรรมชาติ ทำให้การทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจาะผิว เพื่อดูดออก ไม่ทำเกิดรอยแผล หรือผังผืดใต้ชั้นผิวหนังเหมือนการดูดไขมัน โดยระหว่างทำก็ไม่มีอาการเจ็บปวด ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้ยาชา หรือยาสลบเพื่อระงับอาการเจ็บปวด หลังจากทำเสร็จแล้วก็ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมตามปกติ
ใครเหมาะกับการทำ Coolsculpting
การทำ CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสม หรือมีความต้องการลดสัดส่วนเฉพาะส่วน เช่น คนที่มีหน้าท้อง ต้องการลดสะโพก ต้นขา ต้นแขน และปีกหลัง หรือจะเป็นคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตรและต้องการรูปร่างที่ดีกลับคืนมาโดยไม่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ หรืออดอาหาร CoolSculpting นับเป็นทางเลือกที่ดี อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้ผลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้เข้ารับบริการก็ควรใช้การออกกำลังกาย และการควบคุมอาหารควบคู่กันไปหลังจากการทำ CoolSculpting ด้วย เพื่อให้ ผลลัพธ์ที่ได้อยู่คงทนยาวนาน และไม่มีไขมันสะสมกลับมาให้กวนใจ
ทำบริเวณไหนได้บ้าง
จากการรับรองโดย US FDA การสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting สามารถทำได้หลายจุดทั่วร่างกาย ที่เป็นไขมันชั้นนอก ที่บีบจับได้ โดยมีหัวเครื่องมือหลายรูปแบบ เข้ากับสรีะแต่ละบริเวณ
สิ่งที่เกิดหลังจากทำ CoolSculpting
หลังจาก CoolSculpting แล้ว ประมาณสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไปจะเริ่มเห็นผลความเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง เนื่องจากร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดเซลล์ไขมันตายลงจากการทำ CoolSculpting ออกจากร่างกาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1 – 3 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
ในการทำ CoolSculpting เห็นผลแค่ไหน
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีการกำจัดไขมันที่ให้ผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก โดยในการทำจะใช้เวลาประมาณ 35 – 45 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ โดยผลลัพธ์ที่ได้ในการทำแต่ละครั้งจะสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณที่ทำได้ 20 – 30% ของไขมันส่วนเกินที่บีบจับได้ในบริเวณนั้นๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล คุณลูกค้าที่ผ่านการทำ Coolsculpting จะรู้สึกถึงผลลัพธ์หลังทำ ใน 1 – 3 เดือน โดยจะรู้สึกว่าไขมันที่บีบจับได้ในปริมาณมากจะบีบได้เล็กลง เนื่องจากชั้นไขมันในบริเวณนั้นบางลง